สนับสนุนโดย สถานเอกอัครราชทูตอิตาลี
เตรียมพบกับปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ดนตรีคลาสสิกของไทย กับการมาเยือนของพลาซิโด โดมิงโก (Plácido Domingo) ศิลปินโอเปราระดับตำนานผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น “เสียงเดียวที่สะกดโลกทั้งใบ” นี่คือครั้งแรกและครั้งเดียวที่ประเทศไทยจะได้ต้อนรับศิลปินผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค ผู้เป็นมากกว่าแค่ศิลปิน แต่คือบุคคลสำคัญที่กำหนดทิศทางของโลกโอเปรา!
โอเปรามีรากฐานย้อนไปถึงศตวรรษที่ 16 ในอิตาลี เดิมทีเป็นศิลปะที่สงวนไว้สำหรับชนชั้นสูง ขุนนาง และราชวงศ์เท่านั้น ด้วยรูปแบบการแสดงที่ซับซ้อน ภาษาที่เฉพาะเจาะจง และการจัดแสดงที่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล ทำให้โอเปราในอดีตเป็นศิลปะที่เข้าถึงได้ยากสำหรับคนทั่วไป ผู้ชมส่วนใหญ่คือชนชั้นนำที่ต้องการแสดงสถานะทางสังคมและรสนิยม แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป เมื่อ พลาซิโด โดมิงโก, ลูเซียโน ปาวารอตติ (Luciano Pavarotti) และ โฆเซ การ์เรรัส (José Carreras) ได้รวมตัวกันแสดงในนาม The Three Tenors ครั้งแรกในปี 1990
การรวมตัวกันของ The Three Tenors ในคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ครั้งแรกก่อนรอบชิงฟุตบอลโลกปี 1990 ณ กรุงโรม ซึ่งมีผู้ชมการถ่ายทอดสดกว่า 800 ล้านคนทั่วโลก คือ จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้โอเปราก้าวข้ามกำแพงเดิมๆ และกลายเป็นศิลปะที่เข้าถึงผู้คนในวงกว้าง การแสดงครั้งนั้นไม่เพียงเป็นปรากฏการณ์ทางดนตรี แต่ยังเป็นหมุดหมายทางวัฒนธรรมที่ทำให้โอเปราเป็นที่รู้จักและชื่นชอบของคนทั่วโลก (ไม่นับว่าอัลบั้มจากการแสดงครั้งนั้นยังกลายเป็นอัลบั้มดนตรีคลาสสิกที่ขายดีที่สุดตลอดกาลอีกด้วย)
พลาซิโด โดมิงโกคือหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ขับเคลื่อนวงการ ด้วยผลงานการแสดงโอเปรากว่า 150 บทบาท ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ และการขึ้นเวทีมาแล้วกว่า 4,000 ครั้ง บนโรงโอเปราชั้นนำทั่วโลก รวมถึงการเป็นศิลปินที่ได้รับเกียรติให้เปิดฤดูกาลของ Metropolitan Opera ในนิวยอร์กมากถึง 21 ครั้ง ถือเป็นสถิติที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน เขายังเป็นเจ้าของ 12 รางวัลแกรมมี่ และได้รับการยกย่องว่าเป็น “ศิลปินคนสุดท้ายจากทั้งสี่ตำนานแห่งโลกโอเปราที่ยังมีชีวิตอยู่”
และในปีนี้ โอกาสสำคัญครั้งประวัติศาสตร์ได้มาถึง เมื่อ พลาซิโด โดมิงโกจะเดินทางมาจัดแสดงบนเวทีประเทศไทย เคียงข้างนักร้องโซปราโนดาวรุ่ง โมนิกา โกเนซ่า (Monica Conesa) จากสหรัฐฯ ผู้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการรับบทเป็น Aida (ตัวละครเอกจากโอเปร่าอันโด่งดังของคีตกวีเวอร์ดี) ที่อายุน้อยที่สุดบนเวที Arena di Verona อันทรงเกียรติ พร้อมด้วยวาทยกรหญิง เบียทริซ เวเนซี (Beatrice Venezi) หนึ่งในผู้หญิงเพียงไม่กี่คนที่ก้าวสู่เวทีระดับโลก และได้รับการยกย่องจาก Forbes ให้เป็นหนึ่งในสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของอิตาลี
การแสดงเพียงค่ำคืนเดียวนี้ ไม่ใช่แค่คอนเสิร์ต แต่คือช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ของวงการดนตรีคลาสสิกที่ทุกคนไม่ควรพลาด มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของบทบันทึกทางวัฒนธรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น ครั้งแรกและครั้งเดียวในประเทศไทย
-รอบการแสดง-
วันอังคารที่ 23 กันยายน 2568 เวลา 19.00 น
ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย สามารถจองนี่ทั่งล่วงหน้าได้แล้ววันนี้ http://bit.ly/3GqqLvW